จอตาเสื่อม
จอตาเสื่อม หรือจอประสาทตาเสื่อมคืออะไร…..???
จอตาเสื่อม (Age Related Macular Degeneration, AMD) คือภาวะการสูญเสียการมองเห็นของดวงตาในส่วนศูนย์กลางการมองเห็นซึ่งทำให้การมองภาพที่มีความละเอียดสูญเสียไป (ทำให้อ่านหนังสือไม่ได้ มองหน้าคนแล้วไม่รู้ว่าเป็นใคร) แต่การมองเห็นในส่วนข้างๆยังดีอยู่ทำให้สามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้ มักเกิดกับผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป จอตาเสื่อมจัดเป็นโรคอันดับต้นๆที่ทำให้ผู้สูงอายุมีการมองเห็นที่แย่ลง
จอตาเสื่อมเกิดจากอะไร….???
เกิดจากการแยกชั้นระหว่างจอตาและตาชั้นกลางหรือคลอรอยด์ซึ่งเป็นชั้นที่ทำหน้าที่ส่งอาหารและอากาศให้แก่จอตา การแยกชั้นทำให้จอตาเสียหายหรือตายไปทำให้ไม่สามารถส่งสัญญาณภาพไปที่สมองได้ สาเหตุของการแยกชั้นมีหลายสาเหตุเช่นการเกิด ดรูเซน หรือการที่มีเส้นเลือดใหม่เกิดขึ้น การแยกชั้นของจอตาในโรคจอตาเสื่อมจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แตกต่างจากจอตาหลุดลอกซึ่งจะเป็นแบบฉับพลัน
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจอตาเสื่อม……???
คนทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจอตาเสื่อม โดยเฉพาะ
- ผู้ที่อายุมากขึ้นยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น
- ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ก็มีความเสี่ยงสูงว่าคนอื่น
- ผู้ที่มีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง
- ผู้ที่มีระดับเม็ดสีในจอตาน้อย
- ผู้ที่มีดรูเซนในจอตาส่วนกลาง
- คนอ้วน
- ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
- ผู้สูบบุหรี่
- ผู้ที่ได้รับรังสียูวี และแสงช่วงความยาวคลื่นต่ำ(ช่วงแสงสีม่วง น้ำเงิน) ปริมาณมากต่อเนื่อง
จะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองจอตาเสื่อมรึป่าว ถ้าไม่ได้ไปตรวจสายตา……..???
ผู้ที่เป็นจอตาเสื่อมระยะแรกมักจะไม่สามารถบอกได้ว่าตนเองเป็นโดยผู้ที่เริ่มมีอาการจอตาเสื่อมแล้วอาจสังเกตว่าตามัวลงอย่างช้าๆ (ซึ่งมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้ตามัวลงอย่างช้าๆเช่น ต้อกระจก ต้อหิน ) หรือเห็นภาพบิดเบี้ยว สำหรับผู้ที่เป็นจอตาเสื่อมรุนแรงแล้วอาจสูญเสียสายตาส่วนกลางไปอย่างสมบูรณ์ดังรูปด้านบน การตรวจจอตาเสื่อมด้วยตนเองด้วยเครื่องมือง่ายๆคือ Amsler Grid (ตารางของแอมสเล่อร์) มีลักษณะเป็นช่องสี่เหลี่ยมจตุรัสเล็กๆ
ตรวจจอตาส่วนกลางผิดปกติด้วยตนเอง ด้วย Amsler Grid
Amsler Grid มีหลายแบบ อาจเป็นตารางขาวบนพื้นดำ หรือตารางดำบนพื้นขาวก็ได้ สำหรับคนแพ้แสงควรใช้ชนิดพื้นดำ
ตรวจจอตาส่วนกลางผิดปกติด้วยตนเอง ด้วย Amsler Grid
อย่างไรก็ดี Amsler grid เป็นเครื่องมือที่อาจให้ผลเมื่อจอตาเริ่มมีการเสียหายบ้างแล้ว ในปัจจุบันมีเครื่องมือช่วยหลายอย่างที่ทำให้สามารถทำนายการเกิดจอตาเสื่อมก่อนที่จะมีการเสียหายของจอตาเช่น Macular Pigment Test (เครื่องวัดเม็ดสีที่จอตาส่วนกลาง) หรือการถ่ายภาพจอตาเพื่อดูดรูเซน
จอตาส่วนที่โดนทำลายไปแล้วสามารถรักษาให้กลับมาดีเหมือนเดิมได้หรือไม่…….???
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่สามารถรักษาจอตาที่เสียหายไปแล้วให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิมครับ มีแต่เพียงวิธีป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้น
จอตาเสื่อมถ้าเป็นอยู่แล้วจะเป็นมากขึ้นหรือไม่……???
มีโอกาสเป็นมากขึ้นได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาและป้องกันอย่างถูกต้อง
จอตาเสื่อม มีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง……???
การป้องกันคือ การหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงรังสียูวีและแสงสีน้ำเงินม่วง พยายามควบคุมความดันโลหิตและน้ำหนักตัว นอกจากนั้น งานวิจัยยังเชื่อว่าการได้รับอาหารเสริมบางชนิดสามารถช่วยป้องกันจอตาเสื่อมได้เช่น ลูทีน ซีแซนทีน โอเมก้า-3
อ่านเพิ่มเติม “อาหารบำรุงสายตา”
จอตาเสื่อม ทำให้ตาบอดได้หรือไม่……???
จอตาเสื่อมสามารถทำให้เป็นผู้ตาบอดตามกฏหมายได้ เนื่องจากกฏหมายระบุว่าผู้ที่ไม่สามารถอ่านตัวหนังสือขนาด 20/200 ได้ (ขนาดตัวหนังสือสูงประมาณ 8.7 เซนติเมตร ที่ระยะห่าง 6 เมตร) ถึอว่าเป็นผู้ตาบอดตามกฏหมาย แต่ผู้ที่เป็นจอตาเสื่อมเพียงอย่างเดียวจะยังมีจอตาส่วนข้างๆที่ยังทำงานได้ดีอยู่ ดังนั้นจะยังคงสามารถช่วยเหลือตนเองได้ เดินได้แต่ขับรถไม่ได้
จอตาเสื่อม ถ้าเป็นแล้วจะมีเครื่องมือที่ช่วยทำให้มองเห็นได้ดีขึ้นหรือไม่…..???
มีเครื่องมือหลายอย่างที่สามารถทำให้คนจอตาเสื่อมสามารถอ่านหนังสือหรือทำงานอย่างอื่นได้ โดยเครื่องมือดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่ช่วยขยายขนาดภาพหรือตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้นจนกระทั่งผู้เป็นจอตาเสื่อมสามารถอ่านได้โดยใช้จอตาส่วนที่เหลืออยู่ ตัวอย่างเช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ วีดีโอโปรเจกเตอร์ ฯลฯ หรือกล้องส่องทางไกลสำหรับดูภาพระยะไกล เป็นต้น
ทำงานคอมพิวเตอร์ ใช้สายตาทั้งวัน ทำให้จอตาเสื่อมได้ไหม…….???
การทำงานคอมพิวเตอร์หรือใช้สายตามากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับจอตาเสื่อม ผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นจอตาเสื่อมให้ดูที่คำตอบของคำถาม ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อจอตาเสื่อม ข้างบน